เทคนิคการขายคอนโดมือสองให้ได้เร็ว

เทคนิคการขายคอนโดมือสองให้ได้เร็ว



ในปี 2016 ดิฉันถือครองคอนโดขนาดไม่เกิน 30 ตร.ม ทั้งหมด 9 ห้อง คือทยอยซื้อมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี  2012 จน ณ ปัจจุบันได้ทยอยขายออกไปบ้างแล้ว เหลืออยู่ตอนนี้ 4 ห้อง และจะพยายามขายออกไปให้หมดภายในปี 2018 นี้ ซึ่งอาจจะไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ แต่ขายได้อีกซัก 2 ห้องก็พอใจแล้วค่ะ คอนโดทั้งหมดของดิฉันปล่อยเช่าค่ะ คนเช่าก็มีเต็มทุกห้อง ไม่เคยว่างเลย แต่เนื่องจากต้องการขายเพราะได้เจอทรัพย์สินตัวอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ก็ต้องขายตัวที่ให้ผลตอบแทนต่ำกว่ำออกไป ซึ่งมันก็คือวัฏจักรของการลงทุน มาดูกลยุทธ์การขายคอนโดมือสองของดิฉันกันนะคะ ปี 2016 ขายไปได้ 2 ห้องและปี 2017 ขายไปได้ 3 ห้อง 

1. ราคา ผู้ซื้อส่วนใหญ่หลังจากได้ตัดสินใจแล้วว่า location นี้แหล่ะที่เค้าต้องการซื้อ อันดับต่อมาคือการหาราคาให้ได้ถูกที่สุดหรือคุ้มค่าที่สุด ถ้าหากคุณต้องการที่ขายคอนโดออกไป ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม การขายให้ได้กำไรคงเป็นไปได้ยากในเวลานี้ ขายได้เท่าทุนที่ซื้อมาก็ดีหนักหนาแล้ว เพราะยิ่งปล่อยไว้ คอนโดก็เก่าไปเรื่อยๆ ยิ่งจะทำให้ขายยากไปอีก ค่าส่วนกลางก็ต้องเสีย บางคนอาจจะต้องผ่อนธนาคารอีก แถมบางคนไม่ได้อยู่ที่คอนโดแล้ว คือไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้วมีแต่เสียประโยชน์ จะปล่อยเช่าก็ไม่กล้าเพราะกลัวห้องพัง กลัวสาระพัดปัญหา ฉะนั้นควรขายให้ได้เร็วที่สุดถึงไม่ได้กำไรก็ต้องยอม ขาดทุนนิดหน่อยก็ยังต้องยอม ให้คุณสมมุติตัวเองว่าเป็นโรคร้ายอะไรซักอย่างแล้วหมอบอกว่าต้องตัดขาทิ้งเพื่อรักษาชีวิต ไม่อย่างนั้นโรคร้ายก็จะลุกลาม ในจำนวนคอนโด 5 ห้องที่ดิฉันขายไป คือได้เท่าทุน 3 ห้อง และได้กำไร 2 ห้อง 2 ห้องที่ได้กำไรเป็นคอนโดที่อยู่ในเมืองท่องเที่ยวและซื้อมาได้ในราคาต่ำกว่าราคาตลาดทำให้ขายได้กำไร  ส่วน 3 ห้องแรกแถวรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ไม่ได้กำไรดิฉันคิดว่ามันคือเนื้อร้ายที่ต้องรีบตัดทิ้ง อย่ามามัวลังเลนะคะ คอนโดสมัยนี้เหมือนดอกเห็ด เยอะแยะไปหมด คุณต้องโดดเด่นเรื่องราคาก่อน

2. การตกแต่งห้อง เมื่อผู้ซื้อเห็นราคาที่โดนใจแล้วติดต่อมาเพื่อดูห้อง อย่าได้ทำให้เค้าผิดหวังโดยเด็ดขาด อย่าให้เค้าดูห้องคุณเสร็จแล้วคิดในใจว่า อ่อ ขายถูกเพราะสภาพเน่าๆ แบบนี้นี่เอง คอนโดบางห้องของดิฉันที่ขายไปดิฉันก็ได้ลงทุนตกแต่งให้มันดึงดูดใจผู้ซื้อเพื่อที่จะขายได้เร็ว หลังจากคนเช่าย้ายออกไปแล้วทิ้งสภาพแย่ๆ ไว้ให้เรา ถ้าจะขายในสภาพไม่ทำอะไรเลย คงจะยากใครที่ไหนจะมาซื้อค่ะ ดูง่ายๆ ค่ะ พวกโครงการใหม่ๆ ลงทุนตกแต่งห้องตัวอย่างสวยๆ หรูๆ เพื่อเป็นจุดขาย ฉะนั้นเราก็ใช้เทคนิคเดียวกันค่ะ แต่ต่างกันตรง เราให้ของตกแต่งทุกอย่างภายในห้อง แต่พวกโครงการใหม่ๆ ไม่ได้ให้ แค่เอามาโชว์ เห็นไหมค่ะ ราคาคอนโดของเราก็ถูกกว่า เฟอร์นิเจอร์ก็ได้ครบ คนซื้อก็ต้องตัดสินใจซื้อของเราซิค่ะ การที่จะตกแต่งก็ต้องสำรองเงินสดไปก่อนซึ่งก็อาจราวๆ 50,000 - 100,000 บาท สำหรับห้องไม่เกิน 30 ตร.ม. ถ้าคุณจะเลือกทำแบบดิฉันต้องมั่นใจในรสนิยมของตัวเองด้วยนะคะ แล้วก็อย่าซื้อของถูกเกินไปมาแต่งห้อง อยากขายได้ต้องลงทุน อย่าให้กลายเป็นตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ นี้คือตัวอย่างห้องที่ดิฉันตกแต่งแล้วก็ขายไปแล้ว 
3. การขายห้องพร้อมผู้เช่า ในจำนวน 5 ห้องที่ดิฉันขายไปได้ เป็นการขายพร้อมผู้เช่า 3 ห้องค่ะ มีคนจำนวนมากค่ะที่ยังต้องการลงทุนปล่อยเช่าคอนโด ฉะนั้นแล้วถ้าคำนวณผลตอบแทนค่าเช่าหักค่าส่วนกลางแล้วแล้วได้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 5% คุณก็พอมีโอกาสขายให้นักลงทุนได้ค่ะ 

4. ติดต่อนายหน้า ลงสื่อ โฆษณาทางอินเตอร์เน็ต ถ้าคุณอยากจะขายคอนโดให้ได้ แต่แค่ไปฝากขายที่นิติฯ ฝาก รปภ. ฝากแม่บ้าน มันคงไม่ทำให้คุณขายได้เร็ว ถ้าไม่โชคดีจริงๆ คนเหล่านั้นเค้าไม่ได้มีหน้าที่ขายคอนโด ความรู้ ความสามารถในการจูงใจก็ไม่มี ปิดการขายก็ไม่เป็น ให้คำแนะนำอะไรกับผู้ซื้อก็ไม่ได้ ตัวดิฉันเองเป็นนายหน้าเองแท้ๆ ยังต้องพึ่งนายหน้าให้ช่วยขายเลยค่ะ ในจำนวน 5 ห้องที่ขายไปนายหน้าช่วยขายให้ 2 ห้อง อีก 3 ห้องขายได้เองด้วยสื่อโฆษณาทางอินเตอร์เน็ต ทั้งฟรี ทั้งเสียเงิน ดิฉันจัดเต็ม ดิฉันลงไม่ต่ำกว่า 10 เว็ปไซด์ แล้วก็ไม่ใช่ลงทิ้งแล้วหายไปเลย ต้องเข้าไป update ตลอด เช็คราคาคนอื่นขายกันเท่าไหร่ มีใครขายเพิ่มไหม ดิฉันดูจนจำได้หมดว่าใครขายเท่าไหร่ ตรวจสอบตลาดอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะได้ปรับปรุงให้ทันเหตุการณ์เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายได้เร็ว

5. รูปที่ใช้ในการลงโฆษณา อันนี้ highly recommend เลยนะคะ ก่อนที่จะถ่ายรูปลงโฆษณาหรือส่งให้นายหน้า ควรจัดห้องให้สวยงาม ดิฉันเห็นเยอะมากค่ะ ที่ไม่จัดห้องเลย ถ่ายทั้งที่ยังรกๆ บางคนถ้วยจานไม่ล้างกองอยู่ในอ่างยังอุตสาห์กล้าถ่ายมาลงโฆษณาขาย ที่นอนก็ควรเก็บให้เรียบร้อย ให้เกียรติเว็ปไซด์เค้าบ้างค่ะ ที่สำคัญมันไม่จูงใจให้คนซื้อติดต่อมาขอดูห้องเลยค่ะ ชาติหน้าก็คงจะขายไม่ได้ เวลาที่คุณถ่ายรูปตัวเอง หรือถ่าย selfies ลง Facebook  กว่าคุณจะลงได้เลือกแล้วเลือกอีก ถ่ายแล้วถ่ายอีก ใช้แอปแต่งไม่รู้กี่แอป ถ้าคุณทำเหมือนกับตอนจะขายคอนโด ถ่ายรูปห้องสวยๆ คุณก็มีโอกาสได้รับความสนใจจากผู้ซื้อ ด้านล่างคือตัวอย่างห้องที่ดิฉันถ่ายรูปลงโฆษณา และถัดไปเป็นห้องของคนอื่นที่ดิฉันนำมาจากเว็ปอสังหาฯ เว็ปนึง เพื่อเปรียบเทียบให้ดูว่า คอนโดสองห้องนี้อยู่ที่เดียวกัน แล้วห้องไหนมันน่าสนใจมากกว่ากัน

จะเห็นได้ว่าการถ่ายรูปให้น่าสนใจก็แตกต่างกันแล้ว การถ่ายรูปให้สวยถ่ายจากมือถือก็สวยได้ค่ะ พยายามถ่ายให้ได้มุมกว้างๆ ลงรูปเยอะๆ ไม่ใช่ลงไปสองสามรูป รูปสระว่ายน้ำ ร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ต้องลง คนซื้อเค้าอยากได้ข้อมูลให้มากที่สุดก่อนจะตัดสินใจไปดูห้อง ชั้นอะไร วิวอะไร ลงไปให้หมดค่ะ รายละเอียดเยอะเท่าไหร่ยิ่งดี ถ้าจะขายพร้อมผู้เช่าก็บอกราคาเช่าไปด้วย ผลตอบแทนได้เท่าไหร่ เอาความจริงนะคะ ไม่ใช่ไปหลอกเค้าว่าได้ค่าเช่าสูงๆ  ถ้าคนซื้อเค้ารู้รายละเอียดต่างๆ ครบถ้วนแล้ว การตัดสินใจนัดดูห้องก็มีโอกาศในการปิดการขายสูง และอีกอย่างจะได้ไม่เป็นการเสียเวลาไปเปิดคอนโดด้วย ดิฉันเคยขายคอนโดไปห้องนึง ดูวันนี้ พรุ่งนี้ตกลงซื้อ ดิฉันเองยังตกใจ น้องเค้าบอกว่าหนูดูมาเป็นปีแล้วพี่ มีของพี่นี่แหล่ะโดนใจสุด น้องเค้าซื้อปล่อยเช่าค่ะ เห็นไหมค่ะ ข้อมูลเยอะไว้ก่อนเป็นการสกรีนคนซื้อ ข้อมูลที่ลงประกาศควรเป็น fact  ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อ สาธยายอะไรก็ไม่รู้ อย่าลงค่ะ มันไม่สร้างความน่าเชื่อใดๆ 

6. หลังจากที่คนสนใจซื้อดูห้องแล้วไม่ตัดสินใจซื้อของเรา ก็ควรติดต่อสอบถามว่าเป็นเพราะอะไร เค้าไปซื้อที่ไหนเพื่อจะได้นำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุง หรือถ้าเค้าไปซื้อโครงการอื่น ก็ควรออกไปสำรวจดูว่าโครงการนั้นมันดีกว่าของเรายังไง ไปหาข้อเสียของมันมา เราได้เอามาโต้แย้งกับคนซื้อรายต่อไปได้ และที่สำคัญอีกอย่างนึง เวลาคนซื้อมาดูห้องควรถามเค้าว่าไปดูที่ไหนมาบ้างแล้ว เราจะได้รู้ว่าเรากำลังแข่งกับใครและจะทำยังไงให้ชนะมันได้ การที่เรามีข้อมูลคู่แข่งเยอะๆ มันช่วยเราได้ค่ะ ถ้าคุณไม่รู้อะไรเลย ก็เหมือนคุณกำลังขายของแบบไม่มีความรู้ คนซื้อที่ไหนจะมั่นใจในสินค้าของคุณค่ะ 

ถ้าหากคุณกำลังคิดว่าต้องทำขนาดนี้เลยเหรอถึงจะขายได้ ตอบเลยค่ะว่าใช่ สิ่งที่ดิฉันแนะนำไปคือประสบการณ์ตรง ทดลองขายมาแล้วค่ะ แบบไม่ทำอะไรเลย ลงแค่โฆษณาแล้วรอคนมาซื้อ มันยากค่ะ มันต้องมีเทคนิคอย่างอื่นเข้ามาช่วย วิธีการของดิฉันอาจใช้ไม่ได้กับทุกคนด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างที่แตกต่างกัน ยังไงขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการขายคอนโดนะคะ

ที่มา https://pantip.com/topic/37172382

ผู้สนับสนุน